ได้เปรียบทางการแข่งขันด้วย Data Analytics ในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
โลกของการทำธุรกิจกำลังเติบโตขึ้นอยากเป็นประวัติการณ์ ธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะรายใหญ่รายย่อยต่างก็มีการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data เพื่อมาเสริมทัพความแข็งแกร่งให้กับกิจการของตัวเอง ไม่ว่าจะใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า วางแผนการตลาด เจาะกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนไปถึงบริการหลังการขาย ทุกข้อมูล ทุกรายละเอียดเล็กใหญ่ ล้วนมีมูลค่าและมีผลสำคัญในการต่อยอดธุรกิจให้โตขึ้นต่อไปได้ แต่คำถามสำคัญคือ มีข้อมูลตั้งมากมายขนาดนี้จะดูแลยังไงหมด แล้วข้อมูลที่ได้มานี่เอาไปทำประโยชน์อะไรเพื่อสร้างผลให้บริษัทงอกเงยได้บ้าง วันนี้ Data Wow เรามีคำตอบมาให้ นั่นคือ Data Analytic Service หรือบริการวิเคราะห์ข้อมูลนั่นเอง
ก่อนอื่นเลย เราอยากเชิญคุณผู้อ่านทุกท่านมาทำความรู้จักกับ Big Data แบบเจาะลึกยิ่งขึ้น เริ่มจากคำถามสำคัญคือ แล้ว Big Data คืออะไร? Big Data หรือ ข้อมูลขนาดใหญ่ซึ่งมาจากการเก็บรวบรวมข้อมูลทุกย่างก้าวของผู้ใช้งานบริการต่าง ๆ อาทิ เช่น คุณเอ กดเข้ามาดูเว็บไซต์ช่วยจองโรงแรมเว็บหนึ่ง ข้อมูลส่วนนี้ก็จะถูกบันทึกเป็นรอยเท้าดิจิตอล หรือ Digital Footprint ไว้ โดยจะมีรายละเอียดหลัก 3 อย่างคือ
Tracking หรือการติดตามอุปกรณ์ที่คุณเอใช้เพื่อกดเข้าเว็บไซต์ช่วยจองโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรือแท็ปเลต เพื่อดูว่าคุณเอมีแนวโน้มที่จะใช้งานอะไรต่อไปในอนาคต
Producing หรือการที่คุณเอป้อนข้อมูลต่าง ๆ ผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ อาจจะเป็นชื่อ นามสกุล จำนวนห้องที่จอง และอื่น ๆ
Storing หรือการเก็บข้อมูลจากการใช้งานของคุณเอ เช่น การขออนุญาติใช้ Cookie หรือการกดยอมรับ Terms and Conditions ของแต่ละเว็บไซต์
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปปรับใช้กับองค์กรธุรกิจต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเพื่อทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานหรือการจับจ่ายซื้อสินค้าของลูกค้าดียิ่งขึ้น หลายองค์กรธุรกิจหันมาใช้ Big Data เพื่อทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สามารถออกแบบสินค้าหรือบริการที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้นได้นั่นเอง ตัวอย่างเช่น กลุ่มบริษัทโรมแรม อาจจะใช้ Big Data เพื่อดูแนวโน้มว่าลูกค้าที่มาใช้บริการน่าจะชำระเงินด้วยช่องทางไหนบ่อยที่สุด หรือ วิเคราะห์ว่าลูกค้าใช้บริการส่วนไหนของโรงแรมบ่อยที่สุด รวมถึงสามารถพัฒนาประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalized Experience) ให้ลูกค้าแต่ละรายได้ด้วย นอกจากนี้ยังอาจจะมีการถามความพึงพอใจของลูกค้า เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาบริการของโรงแรมต่อไปในอนาคต
อย่างที่ทุกท่านเห็นว่าข้อมูลที่ได้มานั้นจะมีจำนวนมหาศาลมาก แถมการนำไปใช้อาจจะยุ่งยากเกินกว่าที่ทีมในองค์กรจะสามารถรับมือได้ และยังไม่รวมว่าต้องนำข้อมูลเหล่านี้ไปเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์เพื่อนำไปใช้งานจริง ดังนั้นจะดีกว่ามั้ยหากมีคนมาช่วยดูข้อมูลต่าง ๆ และวิเคราะห์ให้แบบเสร็จสรรพ พร้อมใช้งาน
บทบาทหนึ่งที่สำคัญในการช่วยให้เรื่องข้อมูล เรื่อง Data เป็นเรื่องง่ายขึ้น คือ Data Analyst หรือนักวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดการ และวางแผนการใช้ข้อมูลต่าง ๆ ที่องค์กรธุรกิจต้องการเติบโตและทำให้ข้อมูลที่ได้มาเกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจของคุณ ยกตัวอย่างจาก บทความของ University of Pennsylvania ในสหรัฐอเมริกาที่บอกข้อดีของการมี Data Analyst ว่า
ทำให้เข้าใจกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ได้รู้ว่าลูกค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ได้เห็นเทรนด์และความเป็นไปได้ที่จะจับใจลูกค้ามากขึ้น
ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกก้าวเดินของธุรกิจย่อมมีความเสี่ยง ดังนั้นการมีข้อมูลที่แน่ชัดและเชื่อถือได้จะทำให้ทุกการตัดสินใจมั่นคงยิ่งขึ้น
ทำให้ช่วยสร้างยุทธศาสตร์และสนับสนุนแคมเปญทางการตลาดได้ดี โดยการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การตรวจสอบดู point-of-sale transaction data
ลดความเสี่ยงและเพิ่มขีดความสามารถให้การปฏิบัติงาน โดยทำให้ธุรกิจเห็นว่ามีช่องทางไหนที่สามารถลงทุนหรือเน้นการปฏิบัติงานในช่องทางนั้นได้บ้าง โดยไม่ต้องใช้การคาดเดา แต่เป็นผลจากการวิเคราะห์ข้อมูล
เพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น สร้างพื้นที่และยกระดับธุรกิจให้โตไวยิ่งขึ้น
จากข้อมูลในเดือนกันยายนปี 2021 พบว่านักการตลาดส่วนใหญ่กว่า 60% มีการนำ Customer Data มาใช้เพื่อจุดประสงค์ในการพัฒนาทางการตลาด ดังนั้นแล้วเราจะเห็นได้ว่าเทรนด์ในปัจจุบันใได้มีการนำข้อมูลมาใช้เพื่อสร้างผลกำไร และกระตุ้นการแข่งขันอย่างกว้างขวางให้กับตลาดโลก ดังนั้นธุรกิจต่าง ๆ ที่ยังไม่นำ Data Analytics มาใช้อาจศึกษาข้อมูลของลูกค้า หรือสร้างการตัดสินใจได้ไม่เทียบเท่าธุรกิจที่นำ Data Analytics มาใช้แล้ว
นอกจากนี้ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในแคนาดายังระบุว่า การใช้ Data Analytics มาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ช่วยให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลภายในองค์กร และนำไปสู่การต่อยอดไอเดียใหม่ ๆ และพัฒนาความสามารถโดยรวมขององค์กรอีกด้วย แต่แน่นอนว่า การนำ Data Analytics มาใช้กับองค์กร ยังจำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญและคนดูแลเฉพาะทางอยู่ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างดีที่สุด โดยหนึ่งในวิธีการที่ผู้เชี่ยวชาญสามารภช่วยเหลือได้คือการสังเกตการณ์และใช้ประสบการณ์ที่มีในการวิเคราะห์ข้อมูล ไม่ใช่แค่เพียงข้อมูลภายในองค์กร แต่ข้อมูลจากภายนอกองค์กรเองก็ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยจาก MIT Sloan School of Management ซึ่งบอกไว้ว่าการพึ่งพาข้อมูลจากนอกองค์กรจะยิ่งช่วยให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จมากขึ้น
หนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดที่ผู้เชี่ยวชาญอย่าง Data Wow สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจทุกระดับเข้าใจและเห็นถึงความเป็นไปได้ของการนำข้อมูลมาใช้พัฒนาธุรกิจคือ Data Visualization หรือการทำให้ข้อมูลออกมาเป็นภาพให้เข้าใจมากขึ้นนั่นเอง หนึ่งในบริษัทชั้นนำทางการเงินและการบัญชีระดับโลก อย่าง Deloitte เสนอว่า ข้อดีของการใช้ Data Visualization มีดังนี้
*ทำให้ Key Values หรือ กุญแจสำคัญในการพัฒนาธุรกิจมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น *ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องมานั่งจมกับข้อมูลมหาศาล แต่สามารถเลือกใช้ข้อมูลสำคัญได้ในทันที
ทำให้เห็นถึงรูปแบบและความสัมพันธ์ของแต่ละองค์ประกอบในแต่ละธุรกิจ และเน้นย้ำว่าบริษัทควรโฟกัสหรือลงทุนเพิ่มเติมตรงไหนบ้าง
ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยการทำเป็นสื่อต่าง ๆ โดยใช้หลักการ Storytelling ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ พรีเซนต์เทชั่น หรือวิดีโอต่าง ๆ
ทำให้ข้อมูลที่ได้มามีความน่าสนใจ และตรงใจธุรกิจมากขึ้น
ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย แน่นอนว่าข้อมูลที่กระจัดกระจายนั้นถูกเชื่อมกันเป็นใยแมงมุมอันแสนซับซ้อน ดังนั้นจะไม่ดีกว่าหรอถ้ามีผู้เชี่ยวชาญย่อยให้เข้าใจง่ายมากขึ้น
ตัวอย่างเครื่องมือการทำ Data Analytics ยอดฮิตที่เราพร้อมช่วยคุณติดเครื่องลุย
1. Power BI หรือ Power Business Intelligence เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft
a. ข้อดี
- i. สามารถเชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft และ Office 365 ที่หลาย ๆ ธุรกิจน่าจะใช้กันอยู่แล้วได้อย่างง่ายดาย
ii. มีเวอร์ชั่นฟรีให้ลองใช้ได้
iii. มีฟังก์ชั่น Visualization ทำให้เรื่องข้อมูลง่ายแค่ปลายนิ้ว
iv. หน้าตาใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น Data Analytics
b. ข้อจำกัด
i. ปรับแต่งได้ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นในตลาด
ii. มีการแบ่งระดับค่าบริการ โดยแต่ละระดับจะใช้ฟังก์ชั่นเพิ่มเติมได้
iii. อาจมีบางจุดการใช้งานที่ทำให้มือใหม่งงอยู่บ้าง
2. Tableau เครื่องมือสุดสะดวกจาก Salesforce
a. ข้อดี
i. ใช้ภาษาเขียนในการโปรแกรมได้หลายภาษา
ii. มีระบบคำนวณอัตโนมัติแบบ built-in
iii. สามารถใช้กับข้อมูลใหญ่ ๆ ได้เป็นอย่างดี
iv. User Interface เข้าใจง่าย และสะดวกสบาย
v. รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
vi. Interactive Visualization สามารถโต้ตอบกับข้อมูลที่ทำเป็นสื่อได้เลย
b. ข้อจำกัด
i. ราคาค่อนข้างแพง ต่อรองไม่ได้
ii. มีการแบ่งระดับค่าบริการ โดยแต่ละระดับจะใช้ฟังก์ชั่นเพิ่มเติมได้
iii. ใช้งานง่ายสำหรับคนที่ใช้บริการของ Salesforce อยู่แล้ว แต่อาจยากสำหรับลูกค้าบริษัทอื่น
3. Looker อีกหนึ่งเครื่องมือยอดฮิตจากบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง Google
a. ข้อดี
i. ข้อมูลสดใหม่ และอัปเดตแทบจะที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
ii. สามารถเชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ ของ Google Cloud ได้ง่าย
iii. มี Looker Data Dictionary ช่วยให้เข้าใจข้อมูลมากขึ้น
iv. มีฐานข้อมูลให้เลือกใช้งานเยอะกว่า 50 ฐานข้อมูล เพราะมี LookML data modelling language
b. ข้อจำกัด
i. ฟังก์ชั่นในการ Data Visualization ค่อนข้างจำกัด
ii. เรียนรู้ยากกว่าเครื่องมืออื่นในตลาด เพราะต้องมีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรม
iii. ราคาแพงกว่าเจ้าอื่น
ธุรกิจจะเติบโตได้มากขึ้น หากมีการใช้ Data Analytics ในการประกอบการ ที่ Data Wow เรามีผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data และทีมงานยอดนักใช้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Data มากมาย ทำให้เรื่อง Data เป็นเรื่องง่าย
ปลดล็อกความสำเร็จสู่การเป็นผู้นำทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ชาญฉลาดกับเราได้วันนี้ที่ sales@datawow.io หรือโทร 02-024-5560 โดยเรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้ข้อมูลและคำแนะนำได้ทันที ตลอดจนไปถึงบริการหลังการขายที่พร้อมช่วยเหลือและดูแลคุณอย่างเต็มที่